ปราสาทบายน & วัดบาปวน
มุ่งสู่เมืองพันหน้า ปราสาทบายน
หลังจากออกปราสาทตาพรหม ก็มุ่งสู่เมืองพันหน้าบายน ระหว่างผ่านปราสาทตาแก้ว ที่กำลังปิดซ่อมเลยอดชม ก่อนถึง Victory gate จึงแวะวัด ChauSay Tevoda ซึ่งเป็นวัดเล็กๆ แบบฮินดู
 |
ด้านหน้า ChauSay Tevoda |
 |
ด้านใน |
ผ่านมาถึงประตู Victory gate ที่เป็นจุด check point ยอดนิยมอีกแห่ง แต่เราไม่ได้หยุดแวะถ่ายรูป เพราะอากาศเริ่มร้อน จึงให้คุณ Chou พาไปปราสาทบายนเลย โดยเราจอดรถด้านทิศตะวันตก เพราะคนน้อยกว่า แต่มุมยอดนิยมของปราสาทบายนอยู่ทิศใต้ เราจึงค่อยๆ เลาะมาทางนี้
 |
ปราสาทบายน มุมเดียวกับตั๋วเข้าชมเลย |
ระหว่างทางเจอทัวร์หลายชาติมาก กลุ่มใหญ่ๆ คุยเสียงดังๆ ก็มาจากพี่จีนและเวียดนาม จองมุมยอดนิยมไปหลายมุมเลย ติดกล้องเยอะพอสมควร ยังไงก็แบ่งๆ กันชมล่ะครับ
 |
หามุมสงบๆ |
ยิ่งเดินเข้าใกล้ รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรนี้ สร้างได้ยังไง วางหินก้อนใหญ่ๆ ก่อเป็นตัวปราสาทซะสูง แถมแกะสลักหน้าพระพรหมยิ้มถึงสองร้อยกว่าหน้าทั่วปราสาท (ธม แปลว่า ใหญ่)
 |
จุดถ่ายรูปนี้ ต้องปีน (มีบันไดขึ้นน่ะ) |
ระหว่างถ่ายรูปปราสาทบายนจากมุมสูง ปรากฏว่า พ่อหายย เดินไปไหนก็ไม่รู้ แอบเห็นยังแถวรูปสลักอยู่เลย บายนนี้ มีทั้งเดินวน เก็บภาพ ตามหาพ่อ เดินขึ้นชั้นหนึ่ง ชั้นสอง ชั้นสาม วนอยู่สองรอบ สุดท้ายเค้าเดินกลับไปหาคุณ Chou เอง เค้าบอกว่าร้อนและไม่ได้อยากขึ้นไปชั้นบน เดินรอบๆ เห็นแค่นี้เค้าพอใจแล้ว
 |
ภาพสลัก ณ บายน |
เมื่อขึ้นไปชั้นสอง จะเห็นภาพสลักรอยยิ้มหน้าบายนได้อย่างชัดเจน เลือกไม่ถูกเลยว่าดูอันไหน เพราะมีเยอะมาก สวยทุกรูป
 |
รอยยิ้มบายน |
 |
รอยยิ้มบายน |
 |
เลือกมุมไม่ถูกเลย |
ส่วนบนสุดของปราสาท คนนิยมเข้าไปแล้วโผล่ทางหน้าต่าง อย่างที่เห็น ส่วนเรายังคงเดินตามหาพ่ออยู่
 |
ชั้นบนสุดของปราสาทบายน |
วัดบาปวน
ใช้เวลาที่นี่ถึง 10:30 น. แดดกำลังร้อน เรากลับมาเจอพ่อกำลังคุยกับคุณ Chou (แสดงว่ากลับมานานแล้วซิน่ะ) จากนั้นนั่งรถไปลานช้าง Elephant Terrance ซึ่งมีวัดที่สำคัญแห่งคือ วัดบาปวน ซึ่งเราแวะเป็นที่สุดท้ายก่อนจะพักทานข้าวเที่ยง
เดินซักพักจะเห็นสิ่งก่อสร้าง มองดูคล้ายปิระมิด นั่นคือวัดบาปวน อ่านว่า บา ปวน (Ba-phuon)
 |
ด้านหน้า วัดบาปวน | | | | |
ที่นี่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวขึ้นได้ หลังจากได้เห็นความสูงว่า พ่อต้องเหนื่อยแน่ๆ ถ้าเดินขึ้นชั้นบนสุด แค่มองจากชั้นแรกเห็นทางเข้าที่ยาวมาก
 |
ทางเดินยาวมาก |
ระหว่างเดินขึ้นคอยถามพ่อบ่อยๆ ว่าไหวไหม สุดท้ายจึงบอกว่า ช่วงบ่ายจะกลับไปพักที่โรงแรม พ่อขอลุยเต็มที่เลย กับความสูงประมาณตึก 10 ชั้น (สูง 35 เมตร) และแดดร้อนๆ เมื่อถึงชั้นบนสุด มีลมเย็นๆ เลยได้พักนานหน่อย
ปุ่มเล็กๆ คือฐานสำหรับทางเดินภายในวัด ลองจิตนาการดูว่า ในสมัยก่อนมุมมองของกษัตริย์จากด้านบนจะเป็นอย่างไร
 |
จากยอดบาปวน |
ที่นี่การจัดระเบียบทางขึ้นลงได้ดี โดยจะให้ลงด้านหลังของวัด ไม่ให้ลงทางเดียวกับทางขึ้น และแน่นอน เราจึงไม่พลาดที่เห็น พระบรรทมหลังวัด มองออกกันหรือเปล่า ?
 |
รูปพระบรรทม |
หมายเหตุ ได้อ่านประวัติของที่นี่ โดยการบรูณะซ่อมแซมที่นี่ ยากถึงขนาดเรียกว่า จิ๊กซอว์สามมิติที่ใหญ่ที่สุด (อ้างอิง http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9540000080021) จึงไม่เสียใจที่พาพ่อมาเหนื่อย
ตอนเที่ยงทานข้าวเที่ยงแถวๆ นครวัด ซึ่งมีหลายร้านให้เลือก มีตั้งแต่ร้านท้องถิ่น จนถึงภัตตาคาร เราเลือกร้านเล็กๆ หลบมุมหน่อย และจัดเจ้าถิ่น Angkor Beer หนึ่งขวดเล็ก และกับข้าวสำหรับสามคน ก็หมดไป 19.50 USD
 |
ลองเบียร์เจ้าถิ่น |
หลังจากอิ่มมื้อเที่ยงก็กลับโรงแรม นอนรอขึ้นบาเค็งตอนเย็น โดยนัดกับคุณ Chou ไว้ 16.00 น. เพราะบาเค็งเค้ากำหนดจำนวนผู้เข้าชม และเผื่อเวลาสำหรับเดินขึ้นเขา จากที่รีวิวมาสิ่งที่ต้องเตรียมเผื่อสำหรับขึ้นบาเค็ง คือ เสื้อกันฝน และไฟฉาย
ยามเย็น ณ บาเค็ง
ปราสาทบาเค็ง เป็นวัดอยู่บนเขา มีทางบันไดดั้งเดิมอยู่ทั้งสี่ทิศซึ่งมีสภาพชันและทรุดโทรมมาก เค้ามีทางเดินขึ้นที่ทำใหม่ซึ่งทำได้ดีเลยทีเดียว เป็นทางวนรอบเขา จึงไม่เหนื่อยมากก นอกจากนี้ยังมีบริการขึ้นโดยน้องช้าง Dumbo ไม่ต้องห่วงครับ แต่น้องช้างเค้าจะเดินขึ้นอีกทาง
 |
ทางเดินขึ้นบาเค็ง |
เมื่อถึงยอดบางเค็ง ก็เตรียมต่อคิวได้เลยรอประมาณ 20-30 นาที แล้วแต่จำนวนคนที่เดินลงมา เพราะเค้าจำกัดเพียง 300 คนเท่านั้น ถ้ามีคนลง 2 คนก็มีคนได้ขึ้น 2 คน จุดนี้คอยระวังคนแซงคิวด้วยนะ
 |
จุดรอคิว บาเค็ง |
นี่คือตั๋วสำหรับขึ้นบาเค็ง เมื่อลงแล้วต้องคืนเจ้าหน้าที่ เพื่อให้เค้าแจกคนต่อไป
 |
ต้องมีตั๋วนี้ ถึงขึ้นมาได้ |
 |
ตัวอุโบสถ |
มองเมฆรอบๆ ดูแล้วว่าไม่เห็นพระอาทิตย์ตกละ ฝนมาแน่นอน จึงรีบเก็บภาพแล้วลงดีกว่า
 |
มุมยอดนิยม ที่เราไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ |
ด้านหลังมองเห็นสนามบินนานาชาติเสียมเรียบ และยอดปราสาทนครวัด ถ้ามีเลนส์ซูมก็ซูมซะ
 |
ยอดปราสาทนครวัด |
สรุปวันนี้ไม่เห็นพระอาทิตย์ตก และฝนตกช่วงใกล้ถึงด้านล่าง เสื้อกันฝนที่พกมาได้ออกโรง
 |
ลาปราสาทบาเค็ง ด้วยภาพนี้ ฝนมาแล้วจ้าา |
เมื่อถึงด้านล่าง ให้คุณ Chou พากลับไปเปลี่ยนเสื้อที่โรงแรม และวันนี้เราจะไปหาของกินที่ Pub Streetในตัวเมืองเสียมเรียบ ซึ่งฝนไม่ตกที่นี่ - -" Pubstreet ที่นี่อารมณ์ก็ถนนข้าวสารบ้านเรานี่ละ มีร้านอาหารหลากหลายชาติ นอกจากอาหารกัมพูชา ยังมีอาหารตะวันตก อาหารญี่ปุ่น และเบเกอรี่ Blue Pumpkin
 |
Pub street |
 |
Pub Street |
อารมณ์รถเข็นข้างทางก็มี อยู่แถว Old market นักท่องเที่ยวบางส่วนก็ที่นี่ เราสามคนสั่งหมี่ผัด (1.5 USD) เฝอ (3.5 USD) และโรตีกล้วย (1 USD) สามคนรวมกัน 5 USD เท่านั้น ผมสังเกตว่าอาหารรถเข็นแถวๆ Old market พูดคุยเหมือนคนเวียดนามมากกว่าคนกัมพูชา เลยถามคุณ Chou ให้แน่ใจ เค้าบอกว่า รถเข็นขายอาหาร Made in Cambodia จะอยู่รอบนอกมากกว่า
หลังอิ่มอ้วนชวนหลับก็กลับโรงแรม แล้วนัดกับคุณ Chou ประมาณ 8 โมงเช้า สำหรับทัวร์นครวัดช่วงเช้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น