วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ทริป See Angkor Wat and Die & เมืองเสียมเรียบ (วันที่ 2) ต่อ

ปราสาทบายน & วัดบาปวน

มุ่งสู่เมืองพันหน้า ปราสาทบายน

หลังจากออกปราสาทตาพรหม ก็มุ่งสู่เมืองพันหน้าบายน ระหว่างผ่านปราสาทตาแก้ว ที่กำลังปิดซ่อมเลยอดชม ก่อนถึง Victory gate จึงแวะวัด ChauSay Tevoda ซึ่งเป็นวัดเล็กๆ แบบฮินดู

ด้านหน้า ChauSay Tevoda


ด้านใน

ผ่านมาถึงประตู Victory gate ที่เป็นจุด check point ยอดนิยมอีกแห่ง แต่เราไม่ได้หยุดแวะถ่ายรูป เพราะอากาศเริ่มร้อน จึงให้คุณ Chou พาไปปราสาทบายนเลย โดยเราจอดรถด้านทิศตะวันตก เพราะคนน้อยกว่า แต่มุมยอดนิยมของปราสาทบายนอยู่ทิศใต้ เราจึงค่อยๆ เลาะมาทางนี้

ปราสาทบายน มุมเดียวกับตั๋วเข้าชมเลย
ระหว่างทางเจอทัวร์หลายชาติมาก กลุ่มใหญ่ๆ คุยเสียงดังๆ ก็มาจากพี่จีนและเวียดนาม จองมุมยอดนิยมไปหลายมุมเลย ติดกล้องเยอะพอสมควร ยังไงก็แบ่งๆ กันชมล่ะครับ 

หามุมสงบๆ
ยิ่งเดินเข้าใกล้ รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรนี้ สร้างได้ยังไง วางหินก้อนใหญ่ๆ ก่อเป็นตัวปราสาทซะสูง แถมแกะสลักหน้าพระพรหมยิ้มถึงสองร้อยกว่าหน้าทั่วปราสาท  (ธม แปลว่า ใหญ่)

จุดถ่ายรูปนี้ ต้องปีน (มีบันไดขึ้นน่ะ)
ระหว่างถ่ายรูปปราสาทบายนจากมุมสูง ปรากฏว่า พ่อหายย เดินไปไหนก็ไม่รู้ แอบเห็นยังแถวรูปสลักอยู่เลย บายนนี้ มีทั้งเดินวน เก็บภาพ ตามหาพ่อ เดินขึ้นชั้นหนึ่ง ชั้นสอง ชั้นสาม วนอยู่สองรอบ สุดท้ายเค้าเดินกลับไปหาคุณ Chou เอง เค้าบอกว่าร้อนและไม่ได้อยากขึ้นไปชั้นบน เดินรอบๆ เห็นแค่นี้เค้าพอใจแล้ว

ภาพสลัก ณ บายน
เมื่อขึ้นไปชั้นสอง จะเห็นภาพสลักรอยยิ้มหน้าบายนได้อย่างชัดเจน เลือกไม่ถูกเลยว่าดูอันไหน เพราะมีเยอะมาก สวยทุกรูป 

รอยยิ้มบายน
รอยยิ้มบายน
เลือกมุมไม่ถูกเลย
ส่วนบนสุดของปราสาท คนนิยมเข้าไปแล้วโผล่ทางหน้าต่าง อย่างที่เห็น ส่วนเรายังคงเดินตามหาพ่ออยู่
ชั้นบนสุดของปราสาทบายน

วัดบาปวน

 ใช้เวลาที่นี่ถึง 10:30 น. แดดกำลังร้อน เรากลับมาเจอพ่อกำลังคุยกับคุณ Chou (แสดงว่ากลับมานานแล้วซิน่ะ) จากนั้นนั่งรถไปลานช้าง Elephant Terrance ซึ่งมีวัดที่สำคัญแห่งคือ วัดบาปวน ซึ่งเราแวะเป็นที่สุดท้ายก่อนจะพักทานข้าวเที่ยง 

เดินซักพักจะเห็นสิ่งก่อสร้าง มองดูคล้ายปิระมิด นั่นคือวัดบาปวน อ่านว่า บา ปวน (Ba-phuon)
ด้านหน้า วัดบาปวน

ที่นี่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวขึ้นได้ หลังจากได้เห็นความสูงว่า พ่อต้องเหนื่อยแน่ๆ ถ้าเดินขึ้นชั้นบนสุด แค่มองจากชั้นแรกเห็นทางเข้าที่ยาวมาก

ทางเดินยาวมาก
ระหว่างเดินขึ้นคอยถามพ่อบ่อยๆ ว่าไหวไหม สุดท้ายจึงบอกว่า ช่วงบ่ายจะกลับไปพักที่โรงแรม พ่อขอลุยเต็มที่เลย กับความสูงประมาณตึก 10 ชั้น (สูง 35 เมตร) และแดดร้อนๆ เมื่อถึงชั้นบนสุด มีลมเย็นๆ เลยได้พักนานหน่อย
ปุ่มเล็กๆ คือฐานสำหรับทางเดินภายในวัด ลองจิตนาการดูว่า ในสมัยก่อนมุมมองของกษัตริย์จากด้านบนจะเป็นอย่างไร
จากยอดบาปวน
ที่นี่การจัดระเบียบทางขึ้นลงได้ดี โดยจะให้ลงด้านหลังของวัด ไม่ให้ลงทางเดียวกับทางขึ้น และแน่นอน เราจึงไม่พลาดที่เห็น พระบรรทมหลังวัด มองออกกันหรือเปล่า ?
รูปพระบรรทม
หมายเหตุ ได้อ่านประวัติของที่นี่ โดยการบรูณะซ่อมแซมที่นี่ ยากถึงขนาดเรียกว่า จิ๊กซอว์สามมิติที่ใหญ่ที่สุด (อ้างอิง http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9540000080021) จึงไม่เสียใจที่พาพ่อมาเหนื่อย

ตอนเที่ยงทานข้าวเที่ยงแถวๆ นครวัด ซึ่งมีหลายร้านให้เลือก มีตั้งแต่ร้านท้องถิ่น จนถึงภัตตาคาร เราเลือกร้านเล็กๆ หลบมุมหน่อย และจัดเจ้าถิ่น Angkor Beer หนึ่งขวดเล็ก และกับข้าวสำหรับสามคน ก็หมดไป 19.50 USD

ลองเบียร์เจ้าถิ่น
หลังจากอิ่มมื้อเที่ยงก็กลับโรงแรม นอนรอขึ้นบาเค็งตอนเย็น โดยนัดกับคุณ Chou ไว้ 16.00 น. เพราะบาเค็งเค้ากำหนดจำนวนผู้เข้าชม และเผื่อเวลาสำหรับเดินขึ้นเขา จากที่รีวิวมาสิ่งที่ต้องเตรียมเผื่อสำหรับขึ้นบาเค็ง คือ เสื้อกันฝน และไฟฉาย

 ยามเย็น ณ บาเค็ง


ปราสาทบาเค็ง เป็นวัดอยู่บนเขา มีทางบันไดดั้งเดิมอยู่ทั้งสี่ทิศซึ่งมีสภาพชันและทรุดโทรมมาก เค้ามีทางเดินขึ้นที่ทำใหม่ซึ่งทำได้ดีเลยทีเดียว เป็นทางวนรอบเขา จึงไม่เหนื่อยมากก นอกจากนี้ยังมีบริการขึ้นโดยน้องช้าง Dumbo ไม่ต้องห่วงครับ แต่น้องช้างเค้าจะเดินขึ้นอีกทาง

ทางเดินขึ้นบาเค็ง
เมื่อถึงยอดบางเค็ง ก็เตรียมต่อคิวได้เลยรอประมาณ 20-30 นาที แล้วแต่จำนวนคนที่เดินลงมา เพราะเค้าจำกัดเพียง 300 คนเท่านั้น ถ้ามีคนลง 2 คนก็มีคนได้ขึ้น 2 คน จุดนี้คอยระวังคนแซงคิวด้วยนะ

จุดรอคิว บาเค็ง
นี่คือตั๋วสำหรับขึ้นบาเค็ง เมื่อลงแล้วต้องคืนเจ้าหน้าที่ เพื่อให้เค้าแจกคนต่อไป

ต้องมีตั๋วนี้ ถึงขึ้นมาได้
ตัวอุโบสถ
  มองเมฆรอบๆ ดูแล้วว่าไม่เห็นพระอาทิตย์ตกละ ฝนมาแน่นอน จึงรีบเก็บภาพแล้วลงดีกว่า
มุมยอดนิยม ที่เราไม่ได้เห็นพระอาทิตย์
 ด้านหลังมองเห็นสนามบินนานาชาติเสียมเรียบ และยอดปราสาทนครวัด ถ้ามีเลนส์ซูมก็ซูมซะ
ยอดปราสาทนครวัด
 สรุปวันนี้ไม่เห็นพระอาทิตย์ตก และฝนตกช่วงใกล้ถึงด้านล่าง เสื้อกันฝนที่พกมาได้ออกโรง
ลาปราสาทบาเค็ง ด้วยภาพนี้ ฝนมาแล้วจ้าา
เมื่อถึงด้านล่าง ให้คุณ Chou พากลับไปเปลี่ยนเสื้อที่โรงแรม และวันนี้เราจะไปหาของกินที่ Pub Streetในตัวเมืองเสียมเรียบ ซึ่งฝนไม่ตกที่นี่ - -" Pubstreet ที่นี่อารมณ์ก็ถนนข้าวสารบ้านเรานี่ละ มีร้านอาหารหลากหลายชาติ นอกจากอาหารกัมพูชา ยังมีอาหารตะวันตก อาหารญี่ปุ่น และเบเกอรี่ Blue Pumpkin 


Pub street
 Pub Street
อารมณ์รถเข็นข้างทางก็มี อยู่แถว Old market นักท่องเที่ยวบางส่วนก็ที่นี่ เราสามคนสั่งหมี่ผัด (1.5 USD) เฝอ (3.5 USD) และโรตีกล้วย (1 USD) สามคนรวมกัน 5 USD เท่านั้น ผมสังเกตว่าอาหารรถเข็นแถวๆ Old market พูดคุยเหมือนคนเวียดนามมากกว่าคนกัมพูชา เลยถามคุณ Chou ให้แน่ใจ เค้าบอกว่า รถเข็นขายอาหาร Made in Cambodia จะอยู่รอบนอกมากกว่า

หลังอิ่มอ้วนชวนหลับก็กลับโรงแรม แล้วนัดกับคุณ Chou ประมาณ 8 โมงเช้า สำหรับทัวร์นครวัดช่วงเช้า




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น