วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ทริป See Angkor Wat and Die & เมืองเสียมเรียบ (วันที่ 1)

ทริปนี้เดินทางกันสามคน ผม น้องสาว และคุณพ่อ ที่ต้องการชมหนึ่งในเจ็ดมหัศจรรย์ของโลก ซึ่งอันนี้เป็นอันดับที่ห้าของเค้า ทริปอันนี้ใช้เวลา 4 วัน 3 คืน โดยเดินทาง และดูนครวัดแบบสบายๆ แดดร้อนก็กลับที่พัก ไม่ฝืนมาก โดยคิดถึงสุขภาพของคุณพ่อเป็นที่ตั้ง
เราเดินทางโดยสายการบินไทยแอร์เอเชีย ออกจากดอนเมือง 10.00 ไปยังเสียมเรียบ
เครื่องยนต์เจ็ตทรงพลังของ Airbus320
 ใช้เวลาไม่นาน ก็ถึงเมืองเสียมเรียบ ซึ่งใช้เวลาเดินทางน้อยกว่า กทม.ไปหาดใหญ่เสียอีก
 ถึงประมาณ 11.00 แดดกำลังร้อนพอดี
เมืองเสียมเรียบ เห็นโตนเลสาบไกลๆ
ระหว่างเครื่องลง หากนั่งฝั่งขวาของเครื่องก็จะเห็นโตนเลสาบไกลๆ ซึ่งช่วงที่ไปไม่ค่อยมีน้ำเท่าไร 

ถึงแล้วจ้า เดินเข้า Terminal ได้เลย
สวนหย่อมเล็กๆ ในสนามบิน
ในพิธีการผ่าน ตม. สำหรับคนไทย ไม่ต้องกรอก VISA เข้าไปด่านได้เลย หลังจากผ่าน ตม แล้ว สิ่งแรกที่เราทำ และหลายคนก็ทำคือ ซื้อซิมโทรศัพท์ 4G ของกัมพูชา ราคาก็มีหลาย Package โดยซื้อ 5 USD ก็พอเล่น net หาข้อมูลเกี่ยวกับเมืองเสียมเรียบเพิ่มเติมได้ นอกจากนี้ เอาไว้ใช้ติดต่อคนขับรถตุ๊กตุ๊กในวันที่เราจะเที่ยวชมเมืองชมวัดได้ด้วย

จริงๆ ทางโรงแรมก็เตรียมรถรับจากสนามบินไว้แล้ว แต่มีปัญหาเรื่องการประสานงาน จึงทำให้ผมเรียกคนขับรถตุ๊กตุ๊ก ไว้ด้วย (มาพร้อมกัน) ผมจึงให้รถโรงแรมส่งแขกท่านอื่นๆเลย

ส่วนหมู่เรา ลองนั่งรถตุ๊กตุ๊กจากสนามบินเข้าเมืองเสียมเรียบ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 15 นาที และขอให้เค้าพาเที่ยวสำหรับวันแรกไปเลย คนขับรถชื่อ ชู ซึ่งเค้าพูดไทยได้ และรู้จักจาก pantip หลังจาก Review มาทำให้ผมตัดสินใจเลยว่าจะใช้บริการเค้าตลอดสี่วันเลย

วันแรกกับคุณ Chou
ที่พักเป็นโรงแรมสี่ดาวชื่อ Angkor Paradise ที่น้องสาวจองห้องไว้ล่วงหน้า ห้องนอนได้สามคน รอบๆ มีซุปเปอร์มาเก็ตใกล้ๆ
โรงแรมสี่ดาว Angkor paradise
มื้อแรกในเสียมเรียบก็ปวดหัวแล้ว  เพราะยังไม่รีวิวเรื่องที่กินมาเท่าไร เลยให้คุณชูแนะนำร้าน ก็สั่งเป็นกับข้าวมาโดยเลือกอาหารกัมพูชาเลย
Amok
อันแรกคือ Amok คล้ายๆ ห่อหมกบ้านเรา แต่รสออกจืดๆ ไม่จัดเหมือนบ้านเรา Amok จะเสริฟในลูกมะพร้าว (ดูแล้วเหมือนทำไว้ก่อน แล้วมาใส่ลูกมะพร้าวทีหลัง เพราะมะพร้าวยังเย็นอยู่) ปกติ Amok มักจะเป็นปลาแต่คุณพ่อไม่ทานปลาน้ำจืดเลยเปลี่ยนเป็นหมู อันนี้ 6 USD (แพงกว่าซิมมือถืออีก) 

ไก่ผัดกระเพรา
จานที่สองกระเพราไก่สไตล์กัมพูชา ใส่ตะไคร้ด้วยเลยออกแนวสมุนไพรมากกว่ารสเผ็ด อันนี้ 5.5 USD มั้ง สรุปมื้อแรกกินสามคนหมดไป 17.50 USD  (ข้าวเปล่าจานล่ะ 1 USD)

 หลังจากอิ่มมื้อแรก ให้คุณ Chou พาไปซื้อตั๋ว National Musuem เพื่อไปทำความรู้จักนครวัด นครธมและประเทศนี้ก่อน (จริงๆ มาหลบร้อน) ที่นี่คิดค่าเข้าชมคนละ 12 USD หากต้องการเครื่องบรรยายเสียงก็จ่ายอันละ 3 USD เลยจัดหนึ่งเครื่อง Version ภาษาอังกฤษให้คุณพ่อ รวมทั้งหมด 39 USD 
ด้านหน้า National Museum

ภายในห้ามถ่ายรูปเลยไม่มีภาพมาฝาก แต่การจัดแสดงของและเนื้อหาที่นี่ทำได้ดีเลยทีเดียว ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง แล้วแต่ความสนใจ

เมื่อออกมาจากพิพิธภัณฑ์ฝนตก !!!! แผนการที่ว่าจะไปซื้อตั๋วนครวัด และขึ้นบาเค็ง ทั้งหมดล่ม 
จึงกลับโรงแรมโลดและนัดเจอคุณ Chou เช้า เพื่อไปซื้อตั๋วเข้าและชมพระอาทิตย์ขึ้นที่นครวัด
ว่างๆ ก็จัด City Running
 เย็นๆ ลองออกวิ่งแบบ City Run สำรวจเมืองซักหน่อย ออกวิ่งจากโรงแรมไปยังแม่น้ำเสียมเรียบ (หรือคลองก็ไม่รู้) กะเลาะให้ไปถึง Old Market แต่ยังไม่เจอซักที เย็นๆ รถเยอะพอสมควรและฝนก็ยังลงกระปิดกระปรอย เลยวนกลับไป Museum และกลับเข้าโรงแรม

เนื่องจากฝนยังตกอยู่ มื้อเย็นแรกก็จัดอาหารโรงแรมล่ะ น้องเลยสั่งสเต็กกับไวน์แดงเลย พ่อก็อยากลองผัดไทยในกัมพูชา ส่วนผมก็ลองอาหารพื้นเมืองอีกแล้ว
Beef LokLak
ข้าว Beef LokLak ซึ่งมันเหมือนเนื้อผัดซอลมะเขือเทศ เครื่องเคียงหัวหอมใหญ่และไข่ดาว มีมะนาวและพริกไทยผสมเกลือเป็นของปรุงรส เมนูนี้แอบประทับใจ รวมสามคนรวมเบ็ดเสร็จ 23.5 USD

หน้าตาเจ้า Sombai
หลังจากทานข้าวเสร็จฝนก็หยุดตก ชวนสามคนพ่อลูก ไปซุปเปอร์มาเก็ตที่เจอระหว่างวิ่ง เพื่อซื้อน้ำขวด ที่นี่ขวด 1.5 ลิตร ราคา ประมาณ 0.5-1.0 USD และเจ้า Sombai สุราพื้นบ้านของเสียมเรียบมา มีหลายรส (ดูได้ที่นี่ http://www.sombai.com/our-products/the-8-flavours/) เนื่องจากไม่ได้ชิมก็เลยเสี่ยงดวง เลือกสัปปะรดกับมะพร้าว สรุปว่า หวานเกินไม่อร่อยเลย จากนั้นหลับรอเช้าวันใหม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น